top of page
รูปภาพนักเขียนทีมงานมูลนิธิปวีณาฯ

"ปวีณา" พาแม่ ด.ช.10 ขวบ เหยื่อมินิบัสสาย 12 พุ่งชนสาหัส ไปสน.ดินแดง เจรจากับ ขสมก.หาแนวทางเยียวยา

กรุงเทพฯ 14 ก.ย.66"ปวีณา" ไปสน.ดินแดง พาแม่ ด.ช.10 ขวบ เหยื่อมินิบัสสาย 12 พุ่งชนทับร่างสาหัส พบ พ.ต.อ.ภูมิยศ เหล็กกล้า รอง ผบก.น.1 เพื่อติดตามคดี และเจรจากับทาง ขสมก. เพื่อหาแนวทางเยียวยาผู้เสียหายระหว่างที่ยังรักษาตัวซึ่งคาดว่าจะต้องใช้เวลาในการรักษาต่อเนื่อง ขณะที่ทางบริษัทประกันภัยยังต้องรอผลการรักษาจึงยังไม่จ่ายค่าสินไหม




กรุงเทพฯ วันที่ 14 ก.ย.66 เวลา 13.00 น. ที่สน.ดินแดง นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี พาแม่ด.ช.10 ขวบ เหยื่อมินิบัสสาย 12 พุ่งชนทับร่างสาหัส ไปพบ พ.ต.อ.ภูมิยศ เหล็กกล้า รอง ผบก.น.1 เพื่อติดตามคดี โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นัด นายสถาพร เพชรกอง ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายการเดินรถเอกชนร่วมบริการ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) มาเจรจาเพื่อหาแนวทางเยียวยาผู้เสียหายระหว่างที่ยังรักษาตัวอยู่ที่รพ.วิมุต โดยการประสานของนางปวีณา ที่ขอความช่วยเหลือจาก คุณทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ รองประธานกรรมการ บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) และผู้ก่อตั้งทุนวิจิตรพงศ์พันธุ์ ให้รพ.วิมุตช่วยรับ ด.ช. 10 ขวบ เข้าดูแลร่างกายและสภาพจิตใจโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ระหว่างที่รอผ่าตัดครั้งที่ 4 ที่รพ.ศิริราช ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้เวลาในการรักษาต่อเนื่อง ขณะที่ทางประกันภัยยังต้องรอผลการรักษาจึงยังไม่จ่ายค่าสินไหม


แม่ด.ช. 10 ขวบ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา ทางคนขับรถมินิบัส บริษัทรถร่วมฯ และทางขสมก. ไม่เคยมีใครมาเยี่ยมลูกหรือโทรติดต่อแม่เลยสักครั้ง และไม่มีการติดต่อจะเยียวยาหรือรับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น กระทั่งวันที่ 24 ส.ค. แม่ร้องทุกข์ต่อ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ช่วยให้ความเป็นธรรม จนเป็นข่าวออกตามสื่อต่างๆ ทาง ขสมก. จึงได้มอบเงินช่วยเหลือให้ 5 พันบาท และทางบริษัทเจ้าของรถมินิบัสได้มอบเงินให้ 1 หมื่นบาท จากนั้นก็เงียบหายไป ส่วนคนขับรถที่ก่อเหตุก็เข้ารับทราบข้อหากับตำรวจและยอมรับว่ากระทำการประมาทจริงแต่ก็ไม่เคยมาเหลียวแลเลย ขณะที่บริษัทประกันภัยบอกว่าต้องรอผลการรักษาจากแพทย์จึงยังไม่จ่ายค่าสินไหม ซึ่งลูกก็ยังต้องรักษาตัวอีกนานกว่าแพทย์จะสรุปการรักษาขณะที่ครอบครัวต้องลำบากมากเพราะพ่อแม่ไม่ได้ทำงานต้องมาคอยผลัดเปลี่ยนกันมาดูแลลูกที่ยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้อยู่ที่โรงพยาบาล



ลูกต้องผ่าตัดถึง 3 ครั้ง จากอาการบาดเจ็บสาหัส กระเพาะปัสสาวะฉีกขาด ม้ามได้รับการบาดเจ็บ และกระดูกเชิงกรานแตกหัก ครั้งแรกวันเกิดอุบัติเหตุ 10 ส.ค. 66 ที่ รพ.คามิลเลี่ยน 1 ครั้ง วันที่ 11 ส.ค.66 ย้ายไปรพ.ศิริราช ผ่าตัดอีก 2 ครั้ง จากนั้นวันที่ 29 ส.ค.66 ย้ายมารักษาศัลยกรรมทางเดินปัสสาวะต่อที่รพ.เด็ก อีก 1 สัปดาห์ ซึ่งแพทย์ได้ให้ลูกกลับไปพักฟื้นที่บ้านในวันที่ 5 ก.ย.66 ระหว่างรอประเมินการผ่าตัดครั้งที่ 4 จากรพ.ศิริราช ประมาณ 6-8 สัปดาห์ ขณะที่ลูกยังมีอาการเลือดซึมออกจากบาดแผลผ่าตัดที่หน้าอกและแผลที่ดามเหล็กกระดูกเชิงกรานไว้ สภาพจิตใจน้องย่ำแย่มาก เนื่องจากเครียดจัดจนมีเลือดออกที่กระเพาะอาหาร


"โชคดีอย่างมากที่นางปวีณา ให้การช่วยเหลือมาโดยตลอด และช่วยประสานรพ.วิมุต รับน้องเข้าดูแลทั้งร่างกายและจิตใจตั้งแต่ย้ายจากรพ.เด็ก มาในวันที่ 5 ก.ย.66 มีคุณหมอศัลยกรรม คุณหมอกระดูก และคุณหมอเด็กผลัดเปลี่ยนกันมาดูแลอย่างดี คุณหมอช่วยทำกายภาพบำบัดให้น้องจนตอนนี้ขาเริ่มขยับได้มากขึ้น คุณพยาบาลก็ช่วยทำแผล ตอนนี้สภาพจิตใจน้องดีขึ้นมาก สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นแม่พยายามปลอบใจลูกและครอบครัวว่าเป็นความโชคร้ายที่เกิดขึ้น แต่คนที่ขับรถประมาทและผู้ที่เกี่ยวข้องก็ควรจะมารับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นด้วย ไม่ใช่ปล่อยให้เด็กต้องหมดอนาคตทิ้งความฝันการเป็นนักกีฬา และครอบครัวต้องเดือดร้อน"


นางปวีณา กล่าวว่า ขอขอบคุณ คุณทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ รองประธานกรรมการ บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) และผู้ก่อตั้งทุนวิจิตรพงศ์พันธุ์ ที่ได้ช่วยเหลือเคสที่ยากจนขอความช่วยเหลือมายังมูลนิธิปวีณาฯ หลายราย โดยรับเข้าดูแลรักษาเป็นอย่างดีที่รพ.วิมุต โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด และขอบคุณ นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ กรรมการเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท โรงพยาบาลวิมุต นพ.สมบูรณ์ ทศบวร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวิมุต แพทย์ พยาบาลทุกท่านที่ดูแลทั้งร่างกายและสภาพจิตใจน้อง 10 ขวบ จนอาการบาดเจ็บและสภาพจิตใจดีขึ้นมาก คาดว่าจะมีความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจในเร็ววันเพื่อกลับไปผ่าตัดครั้งที่ 4 ที่รพ.ศิริราช สำหรับในเรื่องคดีมูลนิธิปวีณาฯ จะติดตามความคืบหน้าและการเยียวยาให้ได้รับความเป็นธรรมต่อไป


จากนั้นนางปวีณาได้ประชุมร่วมกับ พ.ต.อ.ภูมิยศ เหล็กกล้า รอง ผบก.น.1 พ.ต.ท.โสภณ แย้มชมชื่น รองผกก.สอบสวน สน.ดินแดง นางวิภาดา เพียรจัด ผอ.สำนักปฏิบัติการรถเอกชนร่วมบริการ 1 ผู้แทนฝ่ายเดินรถเอกชนร่วมบริการ ขสมก. ผู้ประกอบการรถร่วมบริการ คนขับรถที่ก่อเหตุและพ่อแม่ของเด็กชาย 10 ขวบ เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวผู้เสียหายเบื้องต้นระหว่างที่เด็กชาย 10 ขวบ ยังต้องรักษาตัวอย่างต่อเนื่อง


ทั้งนี้พ่อแม่เด็กได้แจ้งกับทุกคนว่าขณะนี้ลูกมีปัญหาในเรื่องของกระเพาะปัสสาวะ ซึ่งยังไม่สามารถปัสสาวะเองได้อาจจะต้องใช้ถุงปัสสาวะไปตลอดชีวิตหรือใช้วิธีการสวนปัสสาวะวันละ 4 ครั้งทุก 4 ชั่วโมงซึ่งต้องระวังการติดเชื้อเพราะอาจจะทำให้เสียชีวิตได้ แล้วยังมีความกังวลหากลูกรักษาหายแล้วจะสามารถเดินได้ตามปกติหรือไม่และสภาพจิตใจจะรับได้กับการใช้ชีวิตต่อไปหรือไม่


ด้าน พ.ต.อ.ภูมิยศ เหล็กกล้า รอง ผบก.น.1 กล่าวภายหลังการประชุมว่า ตอนนี้ยังไม่สามารถสรุปจบในทีเดียวได้เนื่องจากน้องยังต้องมีการรักษาตัวในระยะยาวจึงต้องมาพูดคุยกันเรื่องเยียวยาในระหว่างนี้ โดยทางขสมก. แจ้งว่า ได้นำเรื่องเสนอเข้ากองทุนอุบัติเหตุพิจารณาเงินช่วยเหลือเยียวยาเบื้องต้น 1 แสนบาท ซึ่งคาดว่าจะทราบผลในเร็ววันนี้ ขณะที่ผู้ประกอบการจะมอบเงินช่วยเหลือเพิ่มเติมอีก 5 หมื่นบาท และคนขับรถ 2 หมื่นบาท จากนั้นอีก 2-3 เดือน จะมีการนัดมาเจรจาอีกครั้ง



ในส่วนของประกันภัยรถยนต์มีวงเงินคุ้มครองค่าสินไหมและค่ารักษาพยาบาล 1 ล้านบาท ขณะที่พรบ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถได้ใช้วงเงินรักษา 80,000 บาทครบแล้วแต่ยังมีเงินชดเชยเรื่องทุพพลภาพและสูญเสียอวัยวะอีก อย่างไรก็ตามในช่วง 2-3 เดือนหน้าจะมีการนัดหมายทุกฝ่ายมาเจรจาพูดคุยกันอีกครั้งเพื่อหาข้อยุติต่อไป


นางปวีณา กล่าวว่า ขอฝาก พ.ต.อ.ภูมิยศ เหล็กกล้า รอง ผบก.น.1 ดูแลด้านคดีเรื่องนี้ให้ว่าไปตามกฎหมาย ขอบคุณที่วันนี้ทุกฝ่ายมาช่วยกันรับผิดชอบ ในส่วนของพ่อแม่เองก็ยังทำใจไม่ได้ที่คาดหวังกับลูกอยากให้เป็นนักกีฬาแต่กลับต้องมาอยู่ในสภาพนี้ วันที่ 22 ก.ย.นี้ น้องจะต้องไปเอกซเรย์ติดตามอาการที่รพ.ศิริราช เกี่ยวกับเหล็กที่ดามกระดูกเชิงกรานไว้ ซึ่งมูลนิธิปวีณาฯ จะประสานรถพยาบาลจากมูลนิธิเพชรเกษมมานำส่งตัวโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ซึ่งแพทย์รพ.ศิริราช จะพิจารณานัดหมายในการผ่าตัดครั้งที่ 4 และมูลนิธิปวีณาฯ จะติดตามทางด้านคดีและการช่วยเหลือต่อไป



ข่าวที่สื่อนำเสนอ



ดู 12 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comentarios


bottom of page