top of page
รูปภาพนักเขียนทีมงานมูลนิธิปวีณาฯ

พ่อแม่ร้อง “ปวีณา” ลูกชาย ม.2 ร่วงจากรถรับส่ง นร.บาดเจ็บสาหัส



จ.สกลนคร 4 ต.ค.67 พ่อแม่ร้อง “ปวีณา” ลูกชาย ม.2 ร่วงจากรถรับส่งนักเรียนกระแทกพื้นบาดเจ็บสาหัส หวั่นไม่ได้รับความเป็นธรรม

              

วันที่ 4 ต.ค.67 เวลา 10.30 น. นายประสิทธิ์ อายุ 52 ปี และนางสุกัญญา อายุ 30 ปี สองสามีภรรยา เดินทางมาจาก จ.สกลนคร เข้าร้องทุกข์ต่อ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี กรณี ด.ช.ณัฐกรณ์ ลูกชายวัย 14 ปี นักเรียนชั้นม.2 ประสบอุบัติเหตุจากรถสองแถวรับ-ส่งนักเรียนของโรงเรียนระหว่างทางกลับบ้านได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะนี้ลูกชายยังต้องรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม  หลังเกิดเหตุ ผอ.โรงเรียนให้เงินช่วยเหลือมา 3,500 บาท ลูกนอนอยู่โรงพยาบาลตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย. จนถึงวันที่ 2 ต.ค. เป็นเวลา 17 วัน ซึ่งไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เพราะยังลุกจากเตียงไม่ได้ แม่ต้องไปเฝ้าดูแล ซึ่งพ่อแม่มีอาชีพรับจ้างรายวัน วันไหนไม่ได้ทำงานก็ไม่ได้เงินครอบครัวก็ฐานะยากจนจริงๆ โดยหมอจะให้ลูกชายอยู่รักษาที่โรงพยาบาลต่อ เพื่อดูอาการและระวังการติดเชื้อ แต่พ่อแม่ไม่มีเงินที่จะเดินทางไปเฝ้าลูกจึงขอหมอออกจากโรงพยาบาลและพาลูกกลับมารักษาเองที่บ้าน ซึ่งแม่ก็ได้ถามหมอว่า ลูกชายจะหายเป็นปกติได้หรือไม่ หมอก็ไม่ได้ยืนยันบอกเพียงแต่ว่าต้องใช้เวลาในการรักษาตัว และต้องเป็นหมันมีลูกไม่ได้ แม่เกรงว่าครอบครัวจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะคนขับรถสองแถวโรงเรียนก็ไม่เคยมาเยี่ยมลูกชายเลย แม่จึงร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมมายังมูลนิธิปวีณาฯ และขอให้ช่วยรักษาลูกชายให้กลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติเหมือนเด็กคนอื่นๆ



 นางสุกัญญา ผู้เป็นแม่ กล่าวว่า เหตุเกิดเมื่อวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมา ลูกชาย เล่าว่า หลังเลิกเรียนก็ขึ้นรถรับ-ส่งของโรงเรียนกลับบ้านเหมือนทุกวัน ซึ่งรถคันดังกล่าวลักษณะเป็นรถสองแถวหลังคาสูง ช่วงท้ายรถมีบันไดเหล็ก 3 ขั้นสำหรับขึ้นลงและมีโครงเหล็กต่อยื่นเป็นที่ยืนและราวจับ มีประตูเหล็กสำหรับปิดเปิดขึ้นลง คนขับรถเป็นชาย อายุ 37 ปี  ก่อนเกิดเหตุคนขับรถได้ไปส่งนักเรียนตามจุดต่างๆ เมื่อไปถึงจุดส่งนักเรียนบริเวณในหมู่บ้านดอนสัมพันธ์ หมู่ 9 อ.เมือง จ.สกลนคร ลูกของตนที่อยู่ในรถได้หลีกทางให้เพื่อนจากด้านในรถลง ระหว่างที่ลูกตนกำลังก้าวขาขึ้นรถคนขับได้เหยียบคันเร่งออกรถอย่างแรงทำให้ลูกชายหงายหลังตกลงจากรถ โดยมือได้คว้าราวบันไดรถไว้ ส่วนขาข้างขวาถูกลากไปกับพื้นถนนกว่า 100 เมตร ซึ่งมีนักเรียนหลายคนในรถที่เห็นเหตุการณ์พยายามช่วยกันตะโกนเรียกให้คนขับจอดรถแต่คนขับอ้างว่าไม่ได้ยิน จนเป็นเหตุให้ลูกชายได้รับบาดเจ็บนำส่งโรงพยาบาล ลูกชายมีบาดแผลที่ขาข้างขวาตั้งแต่ต้นขาลงมาถึงหน้าแข้งเป็นแผลครูดถลอก, แผ่นหลังเป็นแผลขนาดใหญ่, กระดูกหัวเข่าโผล่แทงออกมา เมื่อไปถึงโรงพยาบาลหมอตรวจพบว่า กระดูกเชิงกรานหักหลายท่อน, ท่อระบบสืบพันธุ์อักเสบ ,ลูกอัณฑะแตก 1 ข้าง, พบน้ำในปอด และปอดแฟบหนึ่งข้าง ไอออกมาปนเลือด เนื่องจากถูกกระแทกจากอุบัติเหตุอย่างแรง, หมอได้ทำการผ่าตัดลูกอัณฑะที่แตกออกไป 1 ข้าง ต้องให้เลือดกรุ๊ป O ครูที่โรงเรียน 3 คนมาบริจาคให้เลือด 2 ถุง  ซึ่งหมอบอกว่า ลูกชายต้องเป็นหมันและไม่ยืนยันว่าจะกลับมาใช้ชีวิตได้ปกติหรือไม่และลูกยังต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลเนื่องจากแพทย์ให้ระวังการติดเชื้อ



 หลังเกิดเหตุ ผอ.โรงเรียนให้เงินช่วยเหลือมา 3,500 บาท ลูกนอนอยู่โรงพยาบาลตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย. จนถึงวันที่ 2 ต.ค. เป็นเวลา 17 วัน ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เพราะยังลุกจากเตียงไม่ได้ แม่ต้องไปเฝ้าดูแลต่อไปอีกเพื่อดูอาการและระวังการติดเชื้อ พ่อแม่มีอาชีพรับจ้างวันไหนไม่ได้ทำงานก็ไม่ได้เงิน ครอบครัวก็ฐานะยากจน จริงๆ แล้วหมอจะให้ลูกชายอยู่โรงพยาบาลแต่พ่อแม่ไม่มีเงินที่จะเดินทางไปเฝ้าลูกจึงขอหมออกเพื่อรักษาเองที่บ้าน จึงตัดสินใจขอร้องให้หมออนุญาตให้ลูกชายกลับไปรักษาตัวต่อที่บ้าน ซึ่งแม่ก็ได้ถามหมอว่า ลูกชายจะหายเป็นปกติได้หรือไม่ ซึ่งหมอก็ไม่ได้ยืนยันบอกเพียงแต่ว่าต้องใช้เวลารักษาตัว แม่เกรงว่าครอบครัวจะไม่ได้รับความเป็นธรรม แม่จึงร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมมายังมูลนิธิปวีณาฯ และขอให้ช่วยรักษาลูกชายให้กลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติเหมือนเด็กคนอื่นๆ

 

นางปวีณา กล่าวว่า  หลังรับเรื่องร้องทุกข์จากแม่ของน้องวันที่ 2 ต.ค. รู้สึกเป็นห่วงน้องมากเพราะแม่รีบออกจากโรงพยาบาลเกรงว่าจะติดเชื้อ จึงได้ประสานไปยัง พ.ต.อ.กฤศกร เชื้อสิงห์ ผกก.สภ.ขมิ้น จ.สกลนคร ให้เข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงและเข้าเยี่ยมเด็ก  ต่อมา ผกก.สภ.ขมิ้น ได้มอบหมาย พ.ต.ท.ณัฐวัฒน์  พันธ์สวรรค์ สว.สอบสวน สภ.ขมิ้น ลงเยี่ยมอาการของน้องที่บ้านและทราบว่าเด็กมีอาการเจ็บแผลผ่าตัด นางปวีณา จึงได้ประสานเลขา ผอ.รพ.สกลนคร (เนื่องจาก ผอ.รพ.เกษียณราชการ) เป็นการด่วนเพื่อนำตัวน้องเข้ารักษาต่อทันทีในวันที่ 3 ต.ค. 67 เนื่องจากน้องมีอาการเจ็บแผลอักเสบและเริ่มจะติดเชื้อ

 


นางปวีณา กล่าวขอบคุณ พ.ต.อ.กฤศกร เชื้อสิงห์ ผกก.สภ.ขมิ้น และ พ.ต.ท.ณัฐวัฒน์  พันธ์สวรรค์ สว.สอบสวน สภ.ขมิ้น ที่ได้ประสานรถพยาบาลนำเด็กผู้บาดเจ็บส่งเข้ารักษาที่ รพ.เป็นการด่วน จากนั้น แม่พ่อ ได้ไปแจ้งความ และเดินทางจาก จ.สกลนคร มาพบ นางปวีณา ที่สำนักงานมูลนิธิปวีณาฯ  เพื่อขอความเป็นธรรมให้กับลูกชาย

 

เวลา 13.30 น. นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ได้ประสาน ดร.ธีร์ ภวังคนันท์ รองเลขาธิการ กพฐ. มอบหมายให้ ดร.ตฤณ ก้านดอกไม้ ผอ.ศูนย์ความปลอดภัย สพฐ. เดินทางมาที่มูลนิธิปวีณาฯ เพื่อประชุมร่วมกับนางปวีณาและพ่อแม่เด็กชายวัย 14 ปี นักเรียนชั้นม.2 จสกลนคร

 

ดร.ตฤณ ก้านดอกไม้ ผอ.ศูนย์ความปลอดภัย สพฐ. กล่าวว่า หลังได้รับการประสานจากท่านปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ทางสพฐ.ได้นำเรียนผู้บังคับบัญชาและได้ประสานไปทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาจ.สกลนคร ให้ตรวจสอบเรื่องทั้งหมดและไปเยี่ยมเด็กที่โรงพยาบาล พร้อมตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงในเรื่องของรถโรงเรียนและอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น โดยจะเร่งดำเนินการให้ทราบผลภายใน 7 วัน

 

ในส่วนของกระทรวงศึกษา พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ ให้ความสำคัญในเรื่องความปลอดภัยของนักเรียน ขอให้คุณพ่อคุณแม่มั่นใจ สพฐ.จะติดตามในกระบวนการทางวินัยว่าเกี่ยวข้องอย่างไร เบื้องต้นทราบว่ามีการจ้างคนขับรถวันละ 200 บาทให้ขับรถรับ-ส่งนักเรียน

 

ในส่วนของน้องที่บาดเจ็บก็ขอเป็นกำลังใจและขอให้หายไวๆ สพฐ.จะช่วยเหลือเยียวยา และจะประสานกระทรวงยุติธรรมให้ได้รับเงินเยียวยา และไม่ต้องห่วงเรื่องการเรียนของน้อง ทางโรงเรียนจะติดตามการเรียนการสอนและจัดสอบให้ได้ทันกับเด็กนักเรียนทุกคน ขอให้คุณพ่อคุณแม่มั่นใจในท่านปวีณา และสพฐ. จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย



 นางปวีณา กล่าวขอบคุณ ว่าที่ร้อยตรีธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการ กพฐ. ดร.ธีร์ ภวังคนันท์ รองเลขาธิการ กพฐ. และดร.ตฤณ ก้านดอกไม้ ผอ.ศูนย์ความปลอดภัย สพฐ. ที่ได้ให้ความสำคัญเร่งดำเนินการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบกรณีข้อเท็จจริง โดยนางปวีณาประชุมกับ ดร.ตฤณ ได้ตั้งข้อสังเกตว่า รถรับส่งนักเรียนคันดังกล่าวไม่มีประตูด้านหลัง ไม่มีครูคุมรถ และที่สำคัญในกลุ่มไลน์โรงเรียนปรากฏว่ามีผู้ปกครองแชทไลน์มาแจ้งเรื่องและพฤติกรรมของคนขับรถที่มักจะออกรถแรงกระชากและเบรคกะทันหัน มีเด็กได้รับอุบัติเหตุแล้วหลายราย ซึ่งนางปวีณาจะส่งข้อมูลนี้ให้กับตำรวจเพื่อเป็นหลักฐานต่อไป

 

พร้อมกันนี้ นางปวีณา ยังได้ประสาน ดร.ตฤณ ก้านดอกไม้ ผอ.ศูนย์ความปลอดภัย สพฐ. ช่วยจัดหาโรงเรียนสำหรับคนพิการตาบอดให้กับ “น้องอั้ม” เด็กสาววัย 16 ปี ที่เป็นโรคต้อหิน ต้อกระจกมาตั้งแต่เด็ก และไม่ได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่องจนทำให้ขณะนี้ตาทั้งสองข้างเริ่มเลือนลางแทบมองไม่เห็นแล้ว และน้องอั้มเรียนจบเพียงชั้นป.5 จึงไม่ได้เรียนต่อ

 

น้องอั้มได้ขอให้มูลนิธิปวีณาฯ ช่วยพาไปรักษาดวงตาเพราะหวังว่าจะได้กลับมามองเห็นอีกครั้ง นางปวีณา จึงได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิปวีณาฯ เดินทางไปรับตัวน้องอั้มที่บ้านจ.กาญจนบุรี เมื่อวันที่ 31 ส.ค.67 และรับเข้าอยู่ในการดูแลของมูลนิธิปวีณาฯ



 วันที่ 2 ส.ค.ที่ผ่านมา นางปวีณาได้พาน้องอั้มไปตรวจดวงตาที่โรงพยาบาลวิมุต ซึ่งได้รับการช่วยเหลือจากโรงพยาบาลวิมุตอย่างดียิ่งโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ต่อมาวันที่ 16 ส.ค.67 นางปวีณา ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิปวีณาฯ พาน้องอั้มไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลศิริราช ซึ่งมีประวัติการรักษาตั้งแต่เด็ก โดยแพทย์ทำการตรวจรักษาน้องอั้มอย่างดียิ่ง และได้ทำการผ่าตัดลอกต้อหินที่ตาทั้ง 2 ข้างออก ทั้งนี้แพทย์โรงพยาบาลศิริราชจะมีการรักษาน้องอั้มอย่างต่อเนื่องโดยนัดไปพบเพื่อลอกต้อหินที่ตาเป็นระยะๆ โดยมูลนิธิปวีณาฯ จะให้ความดูแลน้องอั้มตลอดการรักษา

 

นางปวีณา มีความเป็นห่วงน้องอั้มอย่างมาก เนื่องจากดวงตายังมองไม่เป็นจึงมีปัญหาในการใช้ชีวิตประจำวัน และน้องอั้มได้เรียนหนังเพียงชั้นป.5 เท่านั้น จึงเกรงว่าอนาคตหากไม่มีความรู้จะหาเลี้ยงตัวเองได้อย่างไร และอาจจะถูกหลอกตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพหรือคนที่ไม่ดี จึงได้ประสาน ดร.ตฤณ ก้านดอกไม้ ผอ.ศูนย์ความปลอดภัย สพฐ. ช่วยจัดหาโรงเรียนสำหรับคนพิการตาบอดให้กับ “น้องอั้ม” เพื่อให้ได้มีความรู้และสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ต่อไป โดย ดร.ตฤณ ยินดีให้ความช่วยเหลือและรับปากจะหาที่โรงเรียนให้กับน้องอั้ม และคาดว่าจะได้เริ่มเรียนในวันที่ 1 พ.ย.นี้

 

หลัง “น้องอั้ม” ทราบเรื่องที่จะได้เรียนหนังสือต่อถึงกับกลั้นน้ำตาแห่งความดีใจเอาไว้ไม่อยู่ ขอบคุณ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ที่ให้ความช่วยเหลือพาไปรักษาดวงตา ซึ่งขณะที่อยู่มูลนิธิปวีณาฯ ได้รับการดูแลจากนางปวีณา และเจ้าหน้าที่มูลนิธิปวีณาฯ ทุกคนเป็นอย่างดี และยังได้รับการช่วยเหลือให้ได้เข้าเรียนหนังสือต่อ พร้อมกับขอบคุณ ว่าที่ร้อยตรีธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ดร.ธีร์ ภวังคนันท์ รองเลขาธิการ กพฐ. และดร.ตฤณ ก้านดอกไม้ ผอ.ศูนย์ความปลอดภัย สพฐ. ที่ให้การช่วยเหลือจัดหาที่เรียนสำหรับคนตาบอดให้ น้องอั้มสัญญาว่าจะตั้งใจเรียนให้เต็มที่ และอนาคตหากมีโอกาสได้ช่วยเหลือสังคมจะทำให้เต็มความสามารถ





 

ข่าวที่สื่อนำเสนอ


 

ดู 12 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comments


bottom of page